กระทู้นี้ต่อมาจาก ทริปกระทันหัน แบกเป้เที่ยวอี๋หลาน(Yilan) 2 วัน 1 คืน (PART1)
DAY 2
หลังจากวันแรกเรากับเพื่อนได้มีการเดินตะลุยกินกันอย่างเมามันแล้วนั้น วันต่อมาเรากับเพื่อนก็ตื่นแต่เช้ามาเตรียมตัวลุยเที่ยวกันต่อ แต่….เรากับเพื่อนตื่นกันแต่เช้ามากจริงๆเราตื่นตั้งแต่ 6โมงครึ่ง คือแกกกกกกก ตอนเรียนยังไม่ขยันขนาดนี้เลยคะนี่มาเที่ยวตื่นตั้งแต่ 6โมงครึ่งนาฬิกาปลุกครั้งเดียวด้วย (กับเรื่องเรียนหนูพยายามอย่างนี้ไหมลูก ฮาาาา) เราตื่นกันเช้ามากจริงๆกะว่าแบบรีบกินข้าวรีบเตรียมตัว จะได้รีบไปเที่ยว อาหารเช้าเรากับเพื่อนนั้นน่ารักมุ้งมิ้งสุดๆ นั้นก็คือ….แมค ฮาาาาาาา มาไกลแต่กินแมค เอาน่าโรงแรมเค้าจัดอะไรให้ก็ยัดๆไป อย่าถามว่าอิ่มไหมกระเพราะหลุมดำกันขนาดนี้ไม่อิ่มแน่นอนคะ
หลังจากยัดข้าวเช้า และเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม เรากับเพื่อนก็ได้ฝากกระเป๋าไว้กับทางโรงแรมต่อ เพราะเราจองโรงแรมไว้เพียงแค่คืนเดียวเลยไม่มีที่เก็บกระเป๋า หลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็ได้เริ่มปฏิบัติการตามล่าหา แก้วสตาร์บัค คือเรากับเพื่อนเป็นคนที่ชอบสะสมแก้วสตาร์บัคของแต่ละเมืองแล้วมาเที่ยวต่างเมืองแบบนี้ มีหรือจะพลาด เลยหาร้านสตาร์บัคแถวนี้จากพี่กูเกิ้ลแมพ แล้วก็เจอร้านนึงต้องเดิน 10 นาทีถึงจะเจอร้านสตาร์บัค
เมื่อเดินไปถึงร้าน ปัญหาก็เกิดละ….แก้วดันเหลืออยู่ใบเดียว ทำไงละมากันสองคนไง อยากได้ทั้งสองคน ด้วยความเป็นคนรักเพื่อน เพื่อนเราเลยสละให้เราซื้อก่อน ฮาาาาาาาา ดูรักเพื่อนไหมละ ( ขอบคุณมากนะแก )เพื่อนเราเลยไปถามพนักงานว่ามีแก้วของเมืองนี้เหลืออยู่ที่สาขาอื่นไหน พนักงานก็บอกกับเราว่ามีเหลืออยู่อีกสาขา เพื่อนเราเลยให้พนักงานพิมพ์ที่อยู่อีกสาขานึงให้ แต่ใครมันจะเชื่อ มันอยู่ติดกับ โรงแรมเราเลยนี่หว่า ฮ่าๆ
หลังจากซื่อแก้วกันคนล่ะใบแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางกันแล้วววววว สถานที่แรกที่เรากับเพื่อนไปนั้นคือ… Lanyang Museum เราจำได้ว่าทาง Visitor Center บอกให้เรานั่งรถเมล์สาย 紅 1 ยาวไปลงที่พิพิธพันธ์ได้เลย ตอนแรกเราก็กะจะนั่งรถเมล์กันไป เค้าบอกรถเมล์จะมาทุก 15 นาที แต่นี่รอกันมาจะครึ่งชั่วโมงละ เรากับเพื่อนเลยไม่รอรถเมล์แล้ว นั่งรถไฟไปสถานี Toucheng station แล้วไปขึ้นรถเมล์อยู่นั้นก็ได้
Lanyang Museum : อยู่แถวๆสถานีรถไฟ Toucheng station ลงจากสถานีแล้วเดินตรงไปเจอ Family mart แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปนิดหน่อยจะเจอกับป้ายรถเมล์ต่อสาย 紅1 แล้วนั่งยาวไปลงที่พิพิธพันธ์ได้เลย หรืออีกทางคือ สามารถเรียกแท็กซี่ได้ที่หน้าสถานีรถไฟ Toucheng station ราคา 120 NT
เมื่อมาถึง Toucheng เรากับเพื่อนก็ได้เอาหนังสือเล่มเดิมที่ซื้อมาเนี่ยเหละทำการถามทางต่อ คนที่อยู่แถวนั้นเขาบอกให้เราไปขึ้นรถเมล์แถวๆร้าน Family mart แต่ตอนเราไปถึงที่รอรถเมล์ รถเมล์ก็ออกพอดี เราก็เลยขึ้นไม่ทัน ณ จุดนั้นเพลงขึ้นมาตามสายลมเลยคะ “ ไม่ให้เธอไป~ จะเสียอะไรไม่ให้เธอไป~ ” ทำไมพี่รถเมล์ทำแบบนี้กับหนูอะ คือหนูเสียใจ เรากับเพื่อนเลยทำการเดินกลับมาที่สถานีเพื่อทำการเรียกแท็กซี่เพื่อไป ที่พิพิธพันธ์ เราก็แบบเอาว่าคนละ 60 NT กัดฟันสู้สุดๆ
แต่พอไปถึงนี่พูดเลยคุ้มกับค่ารถมาก คือตึกมันสวยจริงจัง เหมาะแก่การถ่ายครุยสุดแล้ว ค่าบัตรเข้าก็ไม่แพงไง เราใช้บัตรเบ่งซื้อ นั้นก็คือ…..บัตรนักเรียน ฮะฮะฮะ (บัตรนักเรียนใช้ได้ทั้งของประเทศไทยและของประเทศไต้หวันเลยคะ ค่าบัตรเข้าชมจะลดราคาเหลืออยู่ 50 NT ) บอกแล้วเราใช้บัตรเบ่ง จ่ายค่าเข้าแค่ครึ่งเดียวเอง พอเข้ามาเรากับเพื่อนก็เริ่มทำการเเต่งตัวทันทีเลยคะ คือเราแบกครุยกันมาเพื่อสิ่งนี้ ฮาาาาาาาา
ข้างในพิพิธพันธ์จะมีการจัดแสดงงานเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนเผ่าบริเวณเมืองอี๋หลาน แต่ด้วยความที่เรากับเพื่อนภาษาไม่แข็งแรงจึงไม่สามารถเข้าใจทั้งหมดได้ แต่ทางพิพิธพันธ์ก็มีอุปกรณ์ประกอบ ที่เข้าใจง่ายๆไว้ด้วย โดยตัวพิพิธพันธ์จะแบ่งเป็น 3 ชั้น จัดแสดงในธีมเกี่ยวกับโลก มีตั้งแต่ภูเขาไฟไปจนถึงใต้น้ำเลย ถ้ามีเวลาเราก็อยากให้ทุกคนมาดูกันนะ เขาจัดงานได้สวยงามจริงๆ แล้วพอหลังจากที่เราดูความเป็นมาของชนเผ่าบริเวณนี้แล้ว ก็นี่เลยเดินมาถึงจุดพีคของที่นี่ คือใครมาต้องมาถ่ายนะ
ตัวสถานที่ของพิพิธพันธ์จะทำจากเซรามิกและกระจก โดยตัวกระจกจะสะท้อนภาพของท้องฟ้าในแต่ล่ะช่วงเวลา เราก็ดวงดีมากๆ ตอนเราไปแสงแดดกำลังดีเลย ไม่แรงมาก แล้วก็ฟ้าสว่างกำลังสวยเลย ถ่ายรูปออกมาเลยสวยมากๆ
อันนี้เป็นบริเวณที่ต้องมาถ่ายจริงๆ เราชอบเวลาถ่ายรูปออกมาแล้วมันมีความรู้สึกเหมือนเราอยู่บนท้องฟ้าสุดๆ แล้วยิ่งอากาศดีๆ เรากับเพื่อนแทบยึดสถานที่กันเลยทีเดียว เดี๋ยวเราจะเอารูปของส่วนนี้ให้ดูคือมันสวยจริงๆ
และเนื่องจากสถานที่มันสวยจริงๆเรากับเพื่อนเลยจัดหนักจัดเต็ม แต่ละท่า มีทั้งกระโดดหันหน้า หันข้าง พวกพี่จัดหนักจัดเต็มๆจริง ตอนระหว่างถ่ายก็มีเด็กตัวเล็กๆดูแล้วอายุไม่เกิน 7 – 8 ขวบทำตามด้วย ฮาาาาาาา น้องเขาทำอะน่ารัก แต่เราทำอะ…. 555 เอาเป็นว่าเราจะไม่ว่าตัวเอง ไม่แค่นั้นคะ หลังจากเราถ่ายเสร็จเราพึ่งสังเกตว่าคนข้างในเยอะมากก แล้วกระจกโคตใส ทำอะไรไปเขาเห็นกันหมด ฮาาาาาาาาาาาาา นั้นเราทำอะไรกันลงไปปป มาอายกันตอนนี้สายไปไหม
หลังจากที่เราทำการถ่ายรูปแบบไม่แคร์สื่อกันแล้ว บริเวณใกล้ๆกับพิพิธพันธ์จะมีตลาดปลาอยู่ใกล้ๆ เดินไปประมาณ 5 นาทีก็ถึง บอกเลยว่าของกินตรงนั้นถูกมากกกกกกกก คือเรากับเพื่อน ด้วยความที่หิวเลยจัดการซื้อลูกชิ้นปลากันไป 1 กิโลกรัม ย้ำอีกครั้งคะ ผู้หญิงสองคนกินลูกชิ้นปลากัน 1 กิโลกรัม ! แล้วลูกมันใหญ่มากราคาก็ไม่แพง เราจำได้ว่ากิโลกรัมละ 110 NT เท่านั้น ได้เยอะกินกันอิ่มจนจุก หายอยากลูกชิ้นกันไปอีกนานเลยงานนี้ ในตลาดจะมีขายทั้งลูกชิ้นปลา ปลาหยอง ปลาสด มีเยอะมากๆ
(ข้างในตลาดปลาที่อยู่ใกล้ๆกับพิพิธพันธ์)
หลังจากที่เรากับเพื่อนกินลูกชิ้นปลากันจนจุกแล้วนั้น เรากับเพื่อนก็ได้เดินทางกันไปต่อที่หาด Wai’ao Beach (外澳) ในตอนแรกเราดูจากป้ายรถเมล์ เขาบอกว่าถ้านั่งรถเมล์สามารถนั่งไปลงที่หาดได้เลย เราเลยได้ทำการนั่งรอรถ อยู่แถวๆตลาด รอแล้วรออีกรอจนง่วง ทำไมรถยังไม่มา ระหว่างรอน้องก็คิดน่าว่าน้องอยากโบกรถไป น้องไปลองแล้วแต่ติดที่ว่าไม่มีใครจอดรถให้น้องขึ้นเลย แต่จนแล้วจนรอดก็มีรถเมล์มา ตอนเห็นรถนี่ตื่นเต้นกันมาก ตอนขึ้นรถเมล์เราได้ถามพนักงานขับรถว่าไปที่หาดรึเปล่า….แต่คำตอบที่ตามมานั้นทำเราเกือบน้ำตาจะไหลคือลุงเขาไม่ได้ไปทางหาดเขาขับกลับทางสถานี สรุปคือเรารอรถผิดฝั่งงงง นี่ฉันนั่งรอนานมากนะ นั่งรอรถผิดฝั่งคะะะะ คือทางที่เรารอรถจะกลับไปทางสถานีรถไฟอย่างเดียว สรุปคือเรากับเพื่อนต้องนั่งรถกลับไปสถานีแล้วนั่งรถไฟกันไปอีกที
เราสองคนก็แบบ เออไม่เป็นไรเว้ยแกอย่างน้อยมันก็นั่งไปอีกแค่สถานีเดียวเดี๋ยวก็ถึง แต่ตอนถึงที่หาดนี่พูดเลยว่าหายเหนื่อยเลย อากาศดีสุดๆ ผู้ชายก็แซ่บสุดๆ ลองคิดภาพตามเรานะ แบบมีผู้ชายหุ่นดีๆ มีซิคแพค เดินไปมาแล้วแบบบางคนก็ถือเซิร์ฟมาเล่น เห้ยแกกกกกกก คือชีวิตดีมากอะ คุ้มค่ากับการมาสุดๆ แล้วไม่พอนะ ยังมีแบบต่างชาติแบบทางยุโรปไรงี้นอนอาบแดดอีก โอ๊ยยยยยย น้องฟินคะคุณพี่ เพื่อเป็นการไม่ให้คุณผู้ชายนั้นเสียใจบอกเลยว่า ผู้หญิงแต่ละคนหุ่นดีมากนอนอาบแดดกันสวยๆทั้งนั้น เราเองก็แบบอยากอาบแดดมั้งนะถ้าไม่ติดที่ว่า…หุ่นเราเหมือนถังแก๊สกระป๋องอะ คือแบบเตี้ยๆ สั้นๆ ฮาาาาาา นี่คนหรืออะไร เพราะแบบนี้เราเลยไม่กล้าประชันหุ่นสวยกับคนอื่นเขา
แต่หาดที่นี่มีความพิเศษอย่างตัวหาดที่นี่เป็นสีดำ ตอนแรกเรามีความคิดมาตลอดว่าหาดทรายต้องเป็นสีขาวไม่ก็น้ำตาล แต่มาเห็นที่นี่มันเป็นสีดำเว้ยแก แต่ดำสวยนะคือแบบไม่ดำมากดำกำลังดี อธิบายไงดีเดี๋ยวเราเอารูปให้ดูละกันเนอะ
นอกจากตัวหาดจะเป็นสีดำแล้วเนื้อทรายของหาดก็ละเอียดมากด้วย ตัวทรายจะไม่ค่อยติดเท้าอะ ล้างเเปปเดียวก็ออก แล้วไม่แค่นั้นคะคุณขา น้ำทะเลที่นี่ก็สวยนะ เราไม่รู้ว่าเรารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่า น้ำทะเลที่นี่ตอนเรามองรวมๆกันแล้วมันออกสีฟ้าๆขาวๆ ทุกที่น้ำทะเลก็สีนี้ป่ะเราไม่มั่นใจ เราไม่ได้ไปทะเลนานแล้ว แต่ถ้าให้คะแนนหาดนี่เราให้คะแนน 8 เต็ม 10 นะ เราชอบหาดสะอาดเดินแล้วรู้สึกดี คือเราถอดรองเท้าเดินแล้วชิวสุดๆอะ
ไม่มีอะไรบาดเท้าเลย แล้วตัวทรายก็เม็ดละเอียดเดินแล้วสบายเท้า อย่าลืมน้าใครมาอี๋หลานอย่าลืมมาหาด Wai’ao มันให้อารมณ์ไม่เหมือนกับทะเลที่ไทยอะ ที่ไทยก็สวยแบบนึง ที่นี่ก็สวยแบบนึง ต้องลองมาดูน้า : )
Wufengchi Waterfall : น้ำตกนี้อยู่ที่สถานี Jiaoxi Station นั้งรถไฟจากสถานี Wai’ao Station เพียงแค่ 14 NT พอถึงสถานี Jiaoxi Station ก็ไปรอรถเมล์ที่หน้าสถานี ขึ้นรถเมล์สาย 111 มาลงที่ป้าย Wufengchi Scenic Area ค่ารถเมล์ราคา 14 NT หรือถ้าใครไม่อยากรอก็สามารถโบกแท็กซี่จากสถานี Jiaoxi Station ได้ในราคา 200 NT
ปล.ต้องดูตารางเวลารถดีๆนะคะ เพราะรถเมล์รอบสุดท้ายที่จะไปน้ำตกมีถึงแค่ตอน 5 โมงเย็นเท่านั้นและเป็นรถรอบสุดท้ายที่กลับจากน้ำตกด้วย เพราะฉะนั้นอย่าลืมดูเวลากันน้า
หลังจากเรากับเพื่อนดื่มด่ำกับทะเลและหุ่นผู้ชายยุโรปแซ่บๆไปแล้ว เราจะไปต่อกันที่ Wufengchi Waterfall บอกเลยว่า ตอนเราไปน้ำตกนี้ แบบโชว์โง่จริงจัง ฮาาาา คือเรากับเพื่อนหลังจากลงรถไฟที่สถานี Jiaoxi Station กันแล้วก็มารอรถเมล์ที่หน้าสถานี รอไม่ถึง 5 นาทีรถก็มาคะ เราก็เลยเตรียมขึ้นรถและก็ถามคนขับอีกทีนึงว่า Wufengchi Waterfall ไหมค่ะ? คนขับรถก็แบบ ไม่ไปๆ เราก็เห้ยอะไรอะ เราก็ถามเพื่อความชัวร์อีกทีว่าไปป่ะคะ คนรถก็แบบไม่ไปๆเพื่อนเราก็งงดิ เราก็เลยแบบแกถามบ้างดิ้ว่าไปหรือไม่ไป พอเพื่อนเราถามเท่านั้นเหละ ผู้สูงอายุทั้งรถพร้อมใจกันบอกเลยคะ โนๆๆๆ พร้อมทำมือรูปกากบาท เรากับเพื่อนก็เลยลงจากรถขันนั้นมา
หลังจากโดนรถคันแรกปฏิเสธมา เรากับเพื่อนก็ทำปฏิบัติการเลยคะ รถคันไหนมาฉันขึ้นถามทุกคัน ฮาาาาาาา อารมณ์ ณ ตอนนั้นนี่แบบสู้มากอะเราจะไปน้ำตก เข้าใจเราไหมมม เราจะไปน้ำตกกกกกกกให้ได้ รู้สึกวันนั้นเราจะถามรถเมล์ไปประมาณ 6 คันได้ จนเจอคันที่ไป เรากับเพื่อนก็ได้ไปน้ำตกซะที เย้!
พอนั่งรถไปสักพักจากสถานี Jiaoxi Station ถึงตัวน้ำตกประมาณ 6 สถานีได้ เรากับเพื่อนลงสถานี A7 Wufengchi Scenic Area พอลงมาปุ๊บลุงคนขับก็ตะโกนบอกว่า ให้มารอรถรอบสุดท้ายที่ป้ายเดิมตอน 17.30
เราก็โอเคๆ ตอนเรากับเพื่อนไปถึงมันก็ประมาณ บ่าย 2 จะบ่ายสามได้แล้วอะ (ตรงที่ป้ายรถเมล์จอดก็จะมีพื้นที่ให้คนมานั้งเล่น พาน้องหมามานอนมาเล่น แล้วก็มีลำธารให้คนไปแกว่งเท้าเล่นด้วย )
พอลงรถมานี่ก็รีบวิ่งขึ้นเขากันเลยคะ เพราะว่าตัวน้ำตกที่เราจะไปตั้งอยู่ในบริเวณเขาต้องเดินขึ้นไป ซึ่งตัวน้ำตกนั้นจะมีทั้งหมดสามชั้น แต่เรากับเพื่อนขึ้นไปเเค่สองชั้นเพราะว่ากลัวกลับมาไม่ทันรถรอบสุดท้าย ตามทางเขาจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วว่าให้ไปทางไหน หรือไม่ก็เดินตามคนอื่นๆขึ้นไปได้เลยซึ่งเราก็ทำแบบนั้น ฮาาาาาา ทางเดินขึ้นไปจะมีพื้นที่ราบอยู่สามารถให้ คนมาให้สถานที่ทำอาหารได้ เราก็เห็น ครอบครัวเล็กๆมานั่งปิ้งย่างกัน เราก็ได้แต่มอง~ คืออยากทำบ้างแต่ไม่มีอุปกรณ์ กับ ไม่รู้จะขนมายังไง
พอเดินขึ้นมาเห็นน้ำตก มันออกแนวเล็กๆกุ๊กกิ๊กเบาเบา ฮาา เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจเดินเลยขึ้นไปอีกชั้น นั้นก็คือ ชั้นสอง ที่ค่อนข้างเป็นจุดพีคที่คนส่วนมากชอบไปดูกัน แต่ชั้นสองมันก็สวยจริงๆนั้นแหละ น้ำแรงมากอะ แล้วก็สูงมากด้วย แต่เสียดายเพราะเวลาเราไม่พอเลยไม่ได้ขึ้นไปยังชั้นสาม เราว่าถ้าเราไปถึงชั้นสามคงจะสวยมากจริงๆ
(อันนี้เป็นรูปของน้ำตกชั้นสองที่เราถ่ายเก็บมาฝาก ~ สวยใช่ไหมล่า ของจริงสวยกว่านี้อีกน้า)
หลังจากที่ฟินไปกับน้ำตกทั้งสองชั้นที่ผ่านมา ด้วยความที่กลัวไม่ทันรถรอบสุดท้ายเราเลยรีบเดินลงมารอบริเวณแถวๆป้ายรถเมล์ แต่บริเวณที่รอรถเราก็มานั่งแกว่งเท้าชิวๆ ตอนเอาเท้าลงไปแช่นี่หายเมื่อยเลย น้ำเย็นมากกกกกก ลมพัดเบาๆ แล้วตอนนั่งก็มองแมลงปอบินไปมา โหยชิวิตดีอะแก๊ !
(ตอนนั่งรอรถเราก็นั่งแกว่งเท้าบริเวณนี้ไปมา มองครอบครัวเค้ามาเล่นน้ำกันไป ~)
สถานที่ต่อไปเรียกว่า Tangweigou Hot Springs Park เราจะไปแช่น้ำพุร้อนกัน ที่เมืองอี๋หลานจุดเด่นจุดนึงของเมืองก็คือ น้ำพุร้อนนี่แหละ เพราะฉะนั้นไม่ไปไม่ได้ Tangweigou Hot Springs Park เป็น
สวนสาธาณะ ที่เปิดให้คนเข้าไปแช่น้ำพุร้อนได้ฟรีๆเลย
อยู่บนรถก็ได้คุยกับคุณยายท่านนึง ยายแกเห็นว่าเรากับเพื่อนเป็นชาวต่างชาติเขาก็พยายามช่วยเราเต็มที่โดยบอกว่าเนี่ยเดี๋ยวนั่งรถไปเขาจะช่วยบอกเราเองว่าต้องลงตรงไหน รู้สึกดีใจมากอะ คนที่นี่เป็นมิตรมาก แล้วหลังจากที่คุยกับคุณยายมาพักใหญ่ๆเราก็พึ่งรู้ว่าในเมืองนี้มีสถานที่ที่ทำ DIY พวกแยมผลไม้ด้วย แต่เราไม่รู้ว่าตรงไหน เดี๋ยวครั้งหน้าเราหาข้อมูลมาเที่ยวใหม่แล้วเดี๋ยวเราทำรีวิวบอกน้า ~
หลังจากที่นั่งมาสักพักก็ถึง Tangweigou Hot Springs Park พวกเราก็ลงรถกัน เหตุผลที่เราเลือกมา Tangweigou Hot Springs Park ข้อหนึ่งเลยเพราะว่ามันใกล้สถานีรถไฟด้วย จะได้กลับสะดวก
พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้มีแค่ที่แช่เท้าให้ฟินเล่นๆอย่างเดียว ในส่วนบริเวณใกล้ๆก็จะมีพวกร้านอาหารกินเล่น ร้านกาแฟให้ดื่มด้วย แต่ร้านที่เราจะแนะนำก็ร้านนี้เลยยย ร้านจะตั้งอยู่บริเวณข้างๆกับที่แช่เท้า เป็นร้านที่รวมพริกที่เผ็ดที่สุดในแต่ละประเทศไว้ ในร้านก็จะมีทั้งไอศกรีมผสมพริกแล้วก็ช็อกโกแลตผสมพริก เราเลยทำการเสี่ยงตายลองกินช็อกโกแลตผสมพริกไปอันนึง
เราลองอันที่เผ็ดที่สุดบอกได้เลยว่ามันก็เข้ากันแบบแปลกๆนะ ของแบบนี้ต้องลองงงงง
(อันนี้คือภาพในร้านและหน้าร้านที่เราบอกคะ)
หลังจากที่แช่เท้าและหาไรกินเสร็จ เราก็นั่งรถไฟกลับไปยังสถานีรถไฟ Yilan อีกครั้งเพื่อกลับไปเอากระเป๋าที่เราฝากไว้ที่โรงแรม เนื่องจากว่าวันนี้ทั้งวันเราได้ทำการเที่ยวมาแบบสุดเหวี่ยง แล้วร่างกายเราต้องการอาหารมากกกก ระหว่างทางที่เราเดินกลับไปยังโรงแรม (โรงแรมเราพักอยู่แถวบริเวณด้านหน้าสถานีรถไฟ Yilan) เราก็เจอกับร้านบะหมี่ร้านนึงคือคนต่อแถวเยอะมากกกกก ดูแล้วมันน่าจะอร่อย แลัวด้วยความเชื่อคนง่ายเราก็ได้ทำการต่อแถวกับเขาด้วย ฮาาาาา ระหว่างที่เราต่อแถว ป้าคนข้างหน้าก็เม้าท์กับป้าคนข้างๆว่า ร้านนี้อร่อย เนี่ยเปิดมานานแล้วนะ เคยมากินไหม เรายืนไปก็ฟังไป อืมมมมม
พิกัดร้าน : จะอยู่บริเวณด้านหน้าของสถานีรถไฟ Yilan เข้ามาในซอยแมคโดแนล (Mc) เดินมาสักพักจะเห็นคนต่อแถวเยอะๆอยู่ ปล.ร้านนี้จะเปิดแค่ช่วงเย็นๆนะคะ ตั้งแต่ช่วง 5 โมงเย็นเป็นต้นเป็นไป
หลังจากนั้นเราก็รอไม่นานแล้วก็ได้เข้าไปนั่งอยู่ในร้าน เมนูของร้านก็ไม่มีอะไรมาก คือมีหมี่กับซอสที่คลุกเส้นอยู่สองแบบ แล้วก็มีซุป แล้วก็บะหมี่กับพวกเนื้อสัตว์ แต่ที่เราเลือกสั่งก็จะเป็นสองบรรทัดแรกกับ ซุป อันที่เป็นเมนูสีฟ้าๆ บอกเลยว่าสั่งมั่วสุดๆ คือไม่รู้ไงว่าอะไรเป็นอะไรมั้งแต่มันก็เป็นก็เดาสุ่มที่โอเคอยู่นะเพราะมันอร่อยยย
อันนี้เป็นบะหมี่อันที่เราทำการเดามั่วสั่งเป็นรายการบรรทัดที่สองนับจากบนสุดนะ รสชาติมันจะออกเปรี้ยวหน่อยๆแต่อร่อยดี ส่วนของเพื่อนเราสั่งบรรทัดแรก มันจะเป็นบะหมี่แล้วก็น้ำราดกับงาดำ กินแล้วอร่อยคนละแบบ
อันนี้เป็นซุปที่เราสั่งไปคือจะมีทั้งหมูปั้นแล้วก็เกี๊ยวหมูด้วย รสชาติดีมากๆ ซดแล้วโล่งคอ ~ อย่าลืมน้าใครมาอี๋หลานมาแวะร้านนี้กัน ราคาไม่แพงและอาหารอร่อย
พอทานเสร็จก็ไปขึ้นรถไฟกลับไทเปกันนนน ทริปนี้มันจิงๆ ????
แล้วเราก็คงขอจบการรีวิวทริปกระหันของเราที่ร้านนี้ถ้าเกิดเราพิมพ์ผิดหรือเขียนไม่ดีก็ขอโทษด้วยนะคะ : ) ไว้เจอกันใหม่คราวหน้า
แสดงความคิดเห็น